ไวรัสตับอักเสบ ซี (Hepatitis C) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อได้ทางเลือดหรือเพศสัมพันธ์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อเนื่องจากมักไม่แสดงอาการใดๆ ในช่วงแรก อาการของโรคไวรัสตับอักเสบซีจะแสดงออกมาเมื่อตับเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ตับแข็งและมะเร็งตับได้
สาเหตุของโรคไวรัสตับอักเสบซี
Table of Contents
สาเหตุของโรคไวรัสตับอักเสบซี คือการติดเชื้อเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี (Hepatitis C Virus) ไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อได้ทางเลือดหรือเพศสัมพันธ์ เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งจากผู้ที่ติดเชื้อ เช่น เลือด น้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่นทางช่องคลอด และทางทวารหนัก เป็นต้น
อาการของ ไวรัสตับอักเสบ ซี


อาการของโรคไวรัสตับอักเสบซีจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการใดๆเลย ในขณะที่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการดังนี้
ไวรัสตับอักเสบซีในระยะเฉียบพลัน
- อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้อง
- ปวดข้อ
- มีไข้
- ตาเหลือง
ไวรัสตับอักเสบ ซี ในระยะเรื้อรัง
- อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักลด
- ปวดท้อง
- เลือดออกง่าย
- ภาวะตับแข็ง
- มะเร็งตับ
กลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
- ผู้ที่เคยได้รับเลือดหรือผลิตภัณฑ์จากเลือดที่ไม่ผ่านการคัดกรองหาเชื้อ
- ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- ผู้ที่มีประวัติการสัก การเจาะหู การเจาะร่างกายด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ
- ผู้ที่มีประวัติมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก กับผู้ที่ติดเชื้อ
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
ภาวะแทรกซ้อนของโรคไวรัสตับอักเสบซี


หากไม่ได้รับการรักษาไวรัสตับอักเสบซีอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆดังนี้
- ภาวะตับแข็ง
- มะเร็งตับ
การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในระยะเฉียบพลัน (6-8 สัปดาห์หลังติดเชื้อ) จะหายได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่หากมีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัส
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในระยะเรื้อรัง (มากกว่า 6 เดือนหลังติดเชื้อ) จะต้องรักษาด้วยยาต้านไวรัส ยาต้านไวรัสที่ใช้ในการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีมีหลายชนิด โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
การดูแลตนเองระหว่างการรักษาไวรัสตับอักเสบซี
ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีด้วยยาต้านไวรัสควรปฏิบัติดังนี้
- รับประทานยาตรงเวลาตามแพทย์สั่ง
- พบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ
- งดดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การป้องกัน ไวรัสตับอักเสบ ซี


วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดโรคไวรัสตับอักเสบซีคือ การงดมีเพศสัมพันธ์ หรือหากมีเพศสัมพันธ์จะต้องป้องกันด้วยถุงยางอนามัยทุกครั้ง นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่งจากผู้ที่ติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ
ไวรัสตับอักเสบซี ถือเป็นอีกโรคที่ร้ายแรง และสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ หากมีอาการ หรือมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อ และรับการรักษาที่เหมาะสม