โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ปัจจุบันยังไม่พบวิธีการรักษาให้หายขาดได้นั่นก็คือ การติดเชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus : HIV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ส่งผลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย หากร่างกายได้รับเชื้อชนิดนี้ภูมิคุ้มกันจะถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง จนร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ ทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
การตรวจ HIV ในปัจจุบัน
Table of Contents
ในปัจจุบัน สามารถทำได้ง่ายและใช้เวลาในการตรวจเพียงไม่นานก็ทราบผล โดยกระทรวงสาธารณสุขได้บรรจุให้ การตรวจ HIV อยู่หลักสุขภาพถ้วนหน้าที่ประชาชนไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี เข้ารับการตรวจคัดกรองได้ฟรี ปีละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ยังมีสถานพยาบาล คลินิก และมูลนิธิที่ให้บริการตรวจ HIV กระจายอยู่ทั่วประเทศมากมาย จึงสรุปได้ว่าการตรวจ HIV ในปัจจุบันทำได้ง่ายมากขึ้น เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม ตลอดจนสามารถเลือกเข้าใช้บริการได้ตามความสะดวก


HIV ตรวจเร็ว รู้ผลเร็ว ดีอย่างไร ?
การทราบว่าตนติดเชื้อ HIV ได้เร็ว จะยิ่งช่วยให้คุณเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที ตามมาด้วยความห่างไกลจากโรคแทรกซ้อนร้ายแรงต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นในกรณีที่ทราบว่าตนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ควรเปิดใจเข้ารับการตรวจโดยเร็วที่สุด พร้อมกับลดทัศนคติที่แย่ต่อการตรวจ หรือ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ด้วยการรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการตรวจ การรักษา รวมถึงการดูแลตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
ใครบ้างที่ควรตรวจ HIV ?
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย
- ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยขาดสติ
- ชายรักชายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักและไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
- ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- ผู้ป่วยวัณโรค
- ผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
- ผู้ที่ทราบว่าคู่นอนติดเชื้อเอชไอวี
- บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีจากอุบัติเหตุ
HIV รักษาได้ไหม?
แนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อ HIV ในปัจจุบัน เป็นการรักษาด้วยการใช้ยาต้านเชื้อไวรัส โดยได้รับการยอมรับจากทั่วโลกแล้วว่าเป็นการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้ติดเชื้อมากที่สุด ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ยาต้านเอชไอวีอย่างน้อย 3 ชนิดร่วมกัน เรียกง่าย ๆ คือเป็นสูตรยาที่ผ่านการวิจัยมาเรียบร้อยแล้วว่าได้ประสิทธิภาพ ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อ HIV ที่เข้ารับการรักษาจะต้องปฏิบัติตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดโอกาสที่เชื้อไวรัสจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้นในร่างกาย


ตรวจ HIV ที่ไหนดี?
การตรวจ HIV มีให้บริการทั้งเสียค่าใช้จ่ายและฟรี ซึ่งแน่นอนว่าการตรวจจะจำแนกแต่ละวิธีและมีต้นทุนการตรวจที่แตกต่างกัน โดยจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ด้วยว่าผู้ที่มีความเสี่ยงต้องได้รับการตรวจ HIV แบบใดจึงจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในสถานพยาบาลบางแห่งอาจมีบริการตรวจด้วยวิธีที่ไม่ครอบคลุมทุกแบบ ซึ่งการตรวจ HIV ในสถานพยาบาลปัจจุบันประกอบด้วย 3 วิธีดังนี้คือ การตรวจแบบ Anti-HIV , การตรวจแบบ NAT , การตรวจแบบ Rapid HIV Test ดังนั้นการเลือกตรวจ HIV ที่ไหนดีควรตัดสินใจจากหลายปัจจัยเหล่านี้ เช่น
- ภาวะความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ในกรณีที่ทราบว่าตนสัมผัสเชื้อโดยตรงควรเข้ารับการตรวจโดยเร็วที่สุดตามสถานพยาบาลที่สะดวก
- การตรวจ HIV ณ สถานพยาบาลจะมีการขอข้อมูลส่วนตัวและการให้บริการที่อาจไม่มีความเป็นส่วนตัวเท่าที่ควร หากผู้ตรวจเข้าใจและไม่กังวลต่อจุดนี้ก็สามารถเลือกตรวจฟรีในสถานพยาบาลได้โดยใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า
- กรณีที่ไม่มีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อโดยตรง และต้องการตรวจ HIV เพื่อทราบสถานะเลือดและป้องกันตนเองเท่านั้น สามารถเลือกตรวจ HIV ได้ง่าย ๆ โดยใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองที่ตรวจเองได้สะดวก ไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังสามารถทราบผลได้แม่นยำอีกด้วย
- ผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการตรวจ HIV สามารถเข้ารับการตรวจได้ ณ คลีนิคนิรนาม ซึ่งไม่ใช้ข้อมูลส่วนตัวและแทนตัวผู้ตรวจด้วยรหัสเท่านั้น พร้อมทั้งมีห้องตรวจที่เป็นส่วนตัวมากกว่า
ตรวจ HIV ฟรีได้ที่ไหน ?
“การตรวจ HIV ฟรี” เป็นบริการโดยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ให้สิทธิในการตรวจ HIV ต่อประชาชนชาวไทยได้ฟรี จำนวน 2 ครั้งต่อปี ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดของรัฐ ใช้เพียงบัตรประชาชนเท่านั้น