เรื่องรอบรู้เกี่ยวกับ “ถุงยางอนามัย”

ถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัย (Condom) เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ สามารถเข้าถึงได้ ราคาไม่แพง และใช้งานง่าย เมื่อใช้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ ถุงยางอนามัยจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้มากถึง 98% เช่น เอชไอวี หนองในเทียม หนองใน และซิฟิลิส

วิธีใส่ถุงยางอนามัยให้ถูกวิธี

  • ฉีกซองถุงยางอนามัยออกมา แล้วเลือกด้านที่ถูกต้อง โดยเลือกด้านที่มีกระเปาะไว้ด้านนอก ใช้นิ้วมืออีกข้างบีบบริเวณหัวของถุงยางอนามัยเพื่อไล่อากาศ
  • แน่ใจก่อนว่าอวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ ก่อนจะสวมถุงยางอนามัย เมื่อสวมแล้วรูดถุงยางอนามัยลงมาจนสุด เพื่อป้องกันการหลุดออกในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
  • ก่อนสอดใส่ตรวจดูให้แน่ใจ ว่าถุงยางอนามัยไม่ชำรุด ปลายถุงยางอนามัยไม่มีรอยรั่วหรือแตกออก บริเวณขอบที่รูดลงมาไม่มีรอยฉีกขาด
  • เมื่อเสร็จกิจแล้วควรถอดถุงยางอนามัยในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ เพื่อไม่ให้มีการหกเลอะเทอะ โดยใช้มือดึงออกจากส่วนโคนก่อน ดึงออกอย่างระมัดระวัง และอาจจะใช้กระดาษชำระห่อก่อนนำไปทิ้ง
  • ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ในยกต่อไป ควรทิ้งถุงยางอนามัยอันเก่าแล้วเปลี่ยนอันใหม่ เนื่องจากประสิทธิภาพของการป้องกันจะลดลง

วิธีวัดขนาดถุงยางอนามัย

วิธีวัดขนาดของน้องชายเพื่อเลือกขนาดถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง จะต้องวัดขนาดเส้นรอบวง โดยให้ใช้สายวัด วัดบริเวณรอบโคนขององคชาตขณะแข็งตัวเต็มที่ เพื่อดูว่ามีขนาดเส้นรอบวงเท่าไร หรือถ้าหากไม่มีสายวัดก็อาจใช้กระดาษหรือเทปพันรอบน้องชายแล้วเอาปากกาจุดไว้ จากนั้นค่อยเอาไปวางทาบบนไม้บรรทัดเพื่อวัดอีกที โดยสามารถเลือกขนาดได้ดังนี้

  • ขนาดรอบวงประมาณ 11-12 ซม. (4.5 นิ้ว) ใช้ถุงยางอนามัยขนาด 49
  • ขนาดรอบวงประมาณ 12-13 ซม. (5 นิ้ว) ใช้ถุงยางอนามัยขนาด 52
  • ขนาดรอบวงประมาณ 13-14 ซม. (5.5 นิ้ว) ใช้ถุงยางอนามัยขนาด 54
  • ขนาดรอบวงประมาณ 14-15 ซม. (6 นิ้ว) ใช้ถุงยางอนามัยขนาด 56

ใส่ถุงยางอนามัย 2 ชั้น ปลอดภัยกว่าจริงหรือไม่ ?

ใส่ถุงยางอนามัย2ชั้น ปลอดภัยกว่าจริงหรือไม่

การสวมใส่ถุงยางอนามัย 2 ชั้น ไม่ได้ช่วยป้องกันได้ดีเท่ากับการใส่ชั้นเดียว เพราะการใส่ถุงยางสองชั้นจะทำให้เนื้อของยางเสียดสีกัน จนอาจทำให้ถุงยางฉีกขาดหรือรั่วซึมได้ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสที่น้ำอสุจิจะรั่วออกไปสู่คู่นอน อาจทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ และมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มากขึ้น ดังนั้น ควรสวมใส่เพียงแค่ชั้นเดียวเท่านั้น เลือกให้ถูกขนาด ใช้ให้ถูกวิธี

ถุงยางอนามัยแตกเกิดจากอะไร ?

  • ถุงยางแน่นเกินไป ไม่พอดีกับขนาดองคชาต
  • ลืมบีบกระเปาะของถุงยางก่อนใส่ ทำให้มีอากาศค้างที่กระเปาะ เมื่อมีการร่วมเพศจึงอาจเกิดการแตกได้
  • ตัดซองถุงยางด้วยกรรไกรหรือของมีคม ทำให้พลาดไปโดนถุงยางโดยไม่รู้ตัว
  • เก็บถุงยางไว้ในกระเป๋าเงิน หรือกระเป๋ากางเกง แล้วเกิดการนั่งทับ
  • สวมใส่ถุงยางอนามัยมากกว่า 1 ชั้น
  • ถุงยางอนามัยหมดอายุ
  • เก็บถุงยางอนามัยไว้ในที่ร้อน โดนแสงแดดเป็นเวลานาน
  • ใช้สารหล่อลื่นที่ไม่เหมาะสม

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

ถุงยางอนามัยเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์มากในการป้องกันโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์และช่วยลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ด้วยราคาที่ไม่ได้แพง การป้องกันที่ง่าย และได้ผลดี เราจึงไม่ควรมองข้ามการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อความปลอดภัยของตนเอง และคู่นอน รวมไปถึงลดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพราะถึงแม้ว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคอาจจะรักษาไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะป้องกันได้

Exit mobile version