คุณกำลัง ใช้ถุงยางผิดไซส์ อยู่หรือเปล่า?

คุณกำลัง ใช้ถุงยางผิดไซส์ อยู่หรือเปล่า?
เอชไอวี HIV

เป็นไปได้ไหมว่าคุณกำลัง ใช้ถุงยางผิดไซส์ อยู่ในตอนนี้! เรื่องนี้ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะหากคุณเลือกขนาดของถุงยางอนามัยไม่ถูกต้อง มันจะส่งผลต่อการป้องกันโรคได้เลยทีเดียว ไซส์ของถุงยางที่ผิดทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลง และเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การเรียนรู้และเข้าใจวิธีเลือกซื้อถุงยางอนามัย จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรศึกษาเพื่อประโยชน์และความปลอดภัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครับ

อะไรที่บอกว่าคุณกำลัง ใช้ถุงยางผิดไซส์

  • ถุงยางอนามัยยาวจนล้น และห้อยออกจากปลายองคชาต
  • ถุงยางอนามัยคับ และปริแตกออกมาระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์
  • ถุงยางอนามัยหลวม และขยับไปมาในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์
  • ถุงยางอนามัยที่ใช้เหลือกองอยู่ที่โคนบริเวณองคชาตมากเกินไป
  • ถุงยางอนามัยสั้นเกินไป จนไม่สามารถครอบองคชาตได้ทั้งหมด
  • ปลายถุงยางอนามัยเหลือพื้นที่น้อยเกินไป สำหรับน้ำอสุจิที่หลั่งออกมาหลังเสร็จกิจ

วิธีเลือกขนาดเพื่อไม่ให้ ใช้ถุงยางผิดไซส์

จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ขนาดองคชาตของชายไทยจะอยู่ที่ราวๆ 4-10 เซนติเมตร โดยถุงยางอนามัยที่มีวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อ และร้านขายยาทั่วไป คือ ไซส์ 49, 52 และ 56 มิลลิเมตร ดังนั้น ผู้ชายควรเลือกถุงยางอนามัยให้เหมาะสม กับขนาดองคชาตของตัวเอง ทั้งความยาว และความกว้างในขณะที่กำลังแข็งตัวเต็มที่ โดยมีวิธี ดังต่อไปนี้

วัดไซส์ถุงยางอนามัย

ขนาดของถุงยางอนามัย คือ ขนาดรอบวงขององคชาต ให้ใช้สายวัด วัดรอบองคชาตในตอนที่แข็งตัว โดยใช้หน่วยวัดเป็นมิลลิเมตร เริ่มจากทาบสายวัดที่โคนไปจนถึงปลายองคชาต เพื่อวัดความยาว ต่อจากนั้น ให้วัดความกว้างขององคชาต โดยเลือกส่วนที่กว้างที่สุด นำสายวัดมาพันให้พอดี ไม่แน่นหรือไม่หลวมจนเกินไป และวัดตามความเป็นจริงไม่ต้องเผื่อขนาด นำค่าความกว้างที่ได้มาหาร 2.3 คุณจะได้ขนาดถุงยางอนามัยที่พอดีกับองคชาตของคุณ เช่น หากวัดได้ 112/2.3 = 48.69 ก็สามารถเลือกขนาดถุงยางอนามัยที่ 49 ได้เลย หรือหากวัดได้ 120/2.3 = 52.17 ก็สามารถเลือกขนาดถุงยางอนามัยที่ 52 เป็นต้น เพราะถุงยางอนามัยสามารถยืดหดได้ตามขนาดองคชาตได้อีก ไม่มีความจำเป็นต้องเผื่อไซส์ให้เกิดความเสี่ยงที่จะหลุดออกขณะมีเพศสัมพันธ์

รวมข้อควรรู้ในการใช้ถุงยางอนามัยให้ปลอดภัย

รวมข้อควรรู้ในการใช้ถุงยางอนามัยให้ปลอดภัย

  • ก่อนทำการซื้อ หรือสวมถุงยางอนามัย ควรสังเกตวันหมดอายุก่อนทุกครั้ง เพราะมีผลต่อประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด และป้องกันโรคได้
  • เลือกยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน ไม่ควรซื้อถุงยางอนามัยที่ไม่พบข้อมูลแหล่งผลิตที่แน่ชัด
  • ฉีกซองถุงยางอนามัยออกอย่างระมัดระวัง ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกร เพราะอาจพลั้งมือไปโดนใส่ถุงยางอนามัยขาดได้ และควรตรวจดูว่า ถุงยางอนามัยอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ หากลักษณะยางค่อนข้างแข็ง หรือมีรอยฉีกขาดอยู่ก่อนหน้า ควรเปลี่ยนใหม่ทันที
  • เมื่อสวมถุงยางอนามัยแล้ว ควรบีบส่วนปลายเพื่อไล่อากาศออกและเหลือส่วนปลายให้มีพื้นที่ว่างไว้เล็กน้อยเพื่อเก็บน้ำอสุจิ และสวมถุงยางอนามัยเฉพาะตอนที่องคชาตแข็งตัวเต็มที่เท่านั้น โดยให้รอยม้วนของขอบถุงยางอนามัยอยู่ด้านนอก ใช้มือบีบตรงปลายกระเปาะของถุงยางอนามัยที่ใช้เก็บน้ำอสุจิ เพื่อไล่อากาศแล้วค่อยๆ รูดถุงยางอนามัยให้ลงมาถึงโคนองคชาต
  • สวมถุงยางอนามัยเพียงอันเดียว ห้ามสวมซ้อน 2 ชั้นเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ถุงยางอนามัยเกิดการเสียดสีกัน เสี่ยงการฉีกขาดได้ง่าย
  • หากพบว่าถุงยางอนามัยฉีกขาดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ควรหยุดมีเพศสัมพันธ์ทันที แล้วเปลี่ยนใช้ถุงยางอนามัยอันใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงตั้งครรภ์ หรือความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • หากสวมถุงยางอนามัยแล้วรู้สึกแสบหรือคันองคชาต ควรถอดออกทันทีเพราะอาจมีสาเหตุมาจากการแพ้ยางพารา โดยวิธีรับมือกับปัญหานี้ คือการเปลี่ยนไปใช้ถุงยางอนามัยที่ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ เช่น พอลิยูรีเทน (Polyurethane) พอลิไอโซพรีน (Polyisoprene)
  • ขณะสวมถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ไม่ควรใช้สารหล่อลื่นที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ เช่น โลชั่น มอยเจอร์ไรเซอร์ วาสลีน เบบี้ออยล์ รวมถึงสารฆ่าเชื้ออสุจิ เพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยเสียหาย ฉีก หรือขาดได้ง่าย หากต้องการให้การสอดใส่ง่ายขึ้น ควรใช้สารหล่อลื่นที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก
  • เมื่อเสร็จกิจเรียบร้อยแล้วให้คุณใช้กระดาษทิชชู่จับที่ถุงยางอนามัยแล้วค่อยๆ ถอดออก ระวังไม่ให้น้ำอสุจิเลอะออกมา และก่อนทิ้งถุงยางอนามัย ควรห่อด้วยกระดาษทิชชู่หรือใส่ซองผลิตภัณฑ์เดิมให้เรียบร้อย และไม่ควรทิ้งลงชักโครก เพราะอาจทำให้อุดตันได้

นอกจากจะเลือกใช้ขนาดถุงยางอนามัยที่ถูกต้องแล้ว การป้องกันด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม อย่างเช่น การทานเพร็พ (PrEP) และการหมั่นไปพบแพทย์เพื่อตรวจเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ จะช่วยให้คุณห่างไกลจากโรคได้ดี เพราะถือว่าเป็นการใส่ใจในสุขภาพทางเพศ และเป็นการรับผิดชอบต่อคู่นอนของคุณอีกด้วย ท้ายที่สุดแล้ว ขนาดขององคชาตไม่ได้มีความสำคัญมากนัก ในการบรรเลงเพลงรักของคุณกับคู่นอน มันยังมีองค์ประกอบอีกมากมาย ให้มีเซ็กส์อย่างเร้าใจ และสร้างความพึงพอใจให้กับคุณทั้งคู่ได้ครับ

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม