หูดอวัยวะเพศ หนึ่งในกามโรคที่ควรรู้

หูดอวัยวะเพศ หนึ่งในกามโรคที่ควรรู้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

กามโรคที่คนทั่วไปรู้จักกันหลักๆ ไม่ได้มีแค่เชื้อไวรัสเอชไอวีเท่านั้น แต่ยังมี หูดอวัยวะเพศ หรือโรคหูดหงอนไก่อยู่ด้วย ซึ่งมีความน่ากลัวไม่แพ้กับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เลยทีเดียว เพราะถึงแม้จะมีความรุนแรงไม่เท่ากับเอชไอวี ซิฟิลิส หรือหนองใน แต่หูดที่อวัยวะเพศนี้จะทำให้ผู้ติดเชื้อรู้สึกเสียความมั่นใจเวลามีกิจกรรมบนเตียงกับใคร อีกทั้งยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีกเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการป้องกันหรือรักษาที่ถูกวิธี

หูดอวัยวะเพศ เกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่

หูดอวัยวะเพศ หรือโรคหูดหงอนไก่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า HPV หรือ Human Papilloma Virus อ่านว่า ฮิวแมน แปปิโลมา ไวรัส ที่จะติดต่อกันได้ผ่านทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย หลายคนเข้าใจผิดว่า เชื้อไวรัสชนิดนี้ไม่มีทางติดได้ในเพศชาย เหมือนเพศหญิงที่เมื่อติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 หรือ 18 แล้วจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก แต่ความจริงแล้วเพศชายก็สามารถเป็นโรคมะเร็งทวารหนักได้เช่นกัน หากมีเพศสัมพันธ์ทางช่องทางนั้นโดยไม่สวมถุงยางอนามัย และสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูดอวัยวะเพศได้ คือ สายพันธุ์ 6 หรือ 11 นั่นเอง

หูดอวัยวะเพศ ติดต่อกันได้อย่างไร

  • ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่สวมถุงยางอนามัยป้องกัน
  • ติดต่อผ่านการสัมผัสเชื้อไวรัสโดยตรงผ่านทางบาดแผล
  • ติดต่อผ่านคนที่มีพฤติกรรมการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ
  • ติดต่อผ่านคนมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร

อาการของ หูดอวัยวะเพศ

จริงๆ แล้วคนที่ติดเชื้อ HPV จะไม่มีอาการใดๆ แสดงออกมาให้เราสังเกตเห็นได้เลย และในบางคนที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายที่แข็งแรง ก็สามารถกำจัดเชื้อนี้ออกไปได้เอง ตามกลไกธรรมชาติ ภายในระยะเวลา 1-2 ปีโดยประมาณ แต่หากกำจัดทิ้งไปไม่หมด เชื้อไวรัสจะเข้าไปแฝงตัวเจริญเติบโตอยู่ในเซลล์ชั้นล่างสุดของเยื่อบุ ทำให้เกิดเนื้องอกนูนออกมาเพราะเชื้อไวรัสทำให้บิดเบี้ยวเสียรูปร่าง กลายเป็นหูดออกมาได้ในที่สุด ซึ่งเชื้อนี้จะมีระยะฟักตัวที่ 3-4 เดือนถึงจะแสดงอาการ ดังนี้

  • ผิวหนัง เป็นผื่นสีน้ำตาล หรือสีชมพู และจะค่อยๆ มีขนาดใหญ่ขึ้น เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม
  • มีหูดก้อนเล็กๆ นูนหนาขึ้นจากบริเวณที่มีผื่น
  • อาจลุกลามไปจนถึงก้อนโต ปิดกั้นที่ช่องคลอด ทวารหนัก หรือท่อปัสสาวะ
  • มีเลือดออกมาจากช่องคลอด ทวารหนัก
  • รู้สึกคัน ผู้หญิงมีตกขาวผิดปกติ
  • แสบร้อนที่อวัยวะเพศ
หูดหงอนไก่

ทำไมถึงเรียกหูดอวัยวะเพศว่า “หูดหงอนไก่”

จุดเด่นที่สามารถสังเกตได้ว่าเป็นโรคหูดที่อวัยวะเพศ คือ หูดจะมีลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำ หรือแบบหงอนที่หัวไก่ชน เป็นติ่งเนื้ออ่อนๆ สีชมพู หรือมีตุ่มนูนเล็กๆ แห้งๆ คล้ายมีขี้ไคลคลุมอยู่ หรือมีทั้งตุ่มนูนเล็ก ตุ่มนูนแบน ตุ่มนูนใหญ่ หลายชนิดปนกัน มีขนาดแตกต่างกัน ซึ่งหูดอาจเรียงตัวติดกัน หรือกระจายตัวไปทั่วบริเวณอวัยวะเพศก็ได้เช่นกัน

หูดอวัยวะเพศรักษาได้หรือไม่

หูดอวัยวะเพศไม่ได้เป็นโรคที่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ลักษณะของหูดจะทำลายความมั่นใจของคนที่ติดเชื้ออยู่ได้มากเลยทีเดียว ดังนั้นการรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ อาจทำให้หูดอวัยวะเพศสามารถหายขาดได้ หรือกลับเป็นซ้ำได้ยากขึ้น นอกจากนี้ ผู้ที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคหูดอวัยวะเพศ ควรให้คู่นอนของตัวเองมาตรวจและรักษาไปพร้อมกัน เพื่อลดโอกาสติดเชื้อซ้ำไปมาจากรอยโรคเดิมที่มีเชื้ออยู่

การรักษาหูดอวัยวะเพศหลักๆ แพทย์มักจะเลือกใช้ยาทาในหลากหลายชนิด ซึ่งจะใช้ในหูดอวัยวะเพศที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก หรือหูดอวัยวะเพศที่ตรวจพบตั้งแต่ติดเชื้อใหม่ๆ โดยยาทาหูดอวัยวะเพศ ที่นิยมใช้รักษา ได้แก่

  • ยาโพโดฟีโลทอกซิน (Podophylotoxin: PPT) เป็นยาที่ใช้สำหรับทาบริเวณแผลหูด เพื่อช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ไวรัสเอชพีวี แต่ตัวยาชนิดนี้ค่อนข้างมีผลข้างเคียงที่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง เป็นแผล และรู้สึกปวด หากตัวยาเข้าสู่กระแสเลือด อาจทำให้เส้นประสาทอักเสบ รู้สึกชาตามตัว ตรวจร่างกายแล้วพบว่า ปริมาณเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ จึงจำเป็นจะต้องให้แพทย์เป็นผู้ทายาโพโดฟีโลทอกซินให้ ตามวันเวลานัดทำการรักษาของคนไข้
  • ยาไตรคลอโรเซติกแอซิด (Trichloroacetic Acid : TCA) ขนาดความเข้มข้น 80-90% เป็นยาที่ใช้สำหรับทาบริเวณแผลหูด ออกฤทธิ์ทำให้โปรตีนในเซลล์ไวรัสเอชพีวีเสื่อมสภาพ เป็นเซลล์ตาย หากทาหูดอวัยวะเพศที่มีก้าน จะสามารถหลุดออกไปได้ภายใน 2-3 วัน แต่กมีผลข้างเคียง คล้ายกับยาโพโดฟีโลทอกซินเช่นกัน จึงต้องให้แพทย์เป็นผู้ทาให้คนไข้เท่านั้น
  • ยาอิมิควิโมด (Imiquimod) ขนาดความเข้มข้น 5% ผู้ที่มีหูดอวัยวะเพศ สามารถใช้ยานี้ทาได้เอง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ติดต่อกันไม่เกิน 16 สัปดาห์ โดยยาชนิดนี้จะเข้าไปกำจัดไวรัส HPV ในร่างกาย แต่ทาแล้วอาจมีผลข้างเคียง คือ เกิดผื่นขึ้นตามตัวได้เป็นบางแห่ง
  • ยาโพโดฟิลอก (Podofilox) ขนาดความเข้มข้น 0.5% ยานี้จะเข้าไปยับยั้งการแบ่งเซลล์ของไวรัส HPV สามารถใช้ยานี้ทาได้เองเช่นกันเหมือนกับยาอิมิควิโมด และมีผลข้างเคียงที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณผิวหนังได้

การใช้ยาทาหูดอวัยวะเพศ จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม ก่อนการทายาทุกครั้ง ควรเข้าห้องน้ำ และปัสสาวะให้เรียบร้อย เพราะหลังจากที่ทายาแล้ว ห้ามให้บริเวณที่ทายาโดนน้ำอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง และหากการทายาไม่ได้ผล แพทย์อาจใช้วิธีอื่นในการรักษาหูดอวัยวะเพศ เช่น การจี้เย็น การจี้ไฟฟ้า การเลเซอร์ การผ่าตัดหูดออก เป็นต้น

การป้องกัน หูดอวัยวะเพศ

การป้องกันหูดอวัยวะเพศด้วยวิธีที่ถูกต้อง

หูดที่อวัยวะเพศนี้ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การจะป้องกันได้ดีที่สุด คือ การไม่มีเซ็กส์กับใครเลย แต่มนุษย์เรายังมีความต้องการเป็นเรื่องธรรมชาติ การไม่มีเพศสัมพันธ์ตลอดชีวิตคงเป็นไปได้ยาก แต่จะดีไหม หากเราเรียนรู้ที่จะปกป้องตัวเองจากโรคร้ายด้วยวิธีที่ถูกต้อง ดังต่อไปนี้

  • ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสเอชพีวีให้ครบโดส
  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่ากับใครก็ตาม
  • การทานเพร็พ (PrEP) ไม่ได้ช่วยป้องกันหูดที่อวัยวะเพศ
  • ไม่สัมผัสแผล หรือหูดที่มีลักษณะคล้ายคลึงว่าจะเป็นหูดหงอนไก่
  • งดการสอดใส่ที่รุนแรง กระแทก ไปบริเวณอวัยวะเพศอาจทำให้เกิดแผลที่เสี่ยงต่อการติดโรค
  • หมั่นตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำทุกปี

สรุปได้ว่า หูดอวัยวะเพศ สามารถติดต่อกันค่อนข้างง่าย และมีโอกาสที่ผู้ติดเชื้อไม่รู้ตัว เพราะแทบไม่แสดงอาการเลย จึงเป็นกามโรคที่มีความอันตรายมากโรคหนึ่ง โดยเฉพาะหญิงที่มีการตั้งครรภ์ หากพบว่ามีไวรัสเอชพีวี และเป็นหูดหงอนไก่อยู่ด้วย หูดจะขยายตัวเจริญเติบโตเร็วมาก เพราะเป็นช่วงที่มีเลือดมาเลี้ยงเซลล์จำนวนมาก เพราะอยู่ในการตั้งครรภ์ เพราะฉะนั้น การตรวจและการรีบรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ปลอดภัยทั้งแม่และลูกน้อยที่จะตื่นลืมตาขึ้นมาได้ครับ

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์