- กินยาตรงเวลา ทุกวัน
- อย่าเปลี่ยนยาด้วยตนเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์ ถ้าพบว่าปฏิบัติตามแผนการรักษาได้ยาก ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อค้นหาแนวทางการรักษาเอชไอวีใหม่ที่เหมาะสม
- หากจะใช้ยาอื่นนอกเหนือที่แพทย์สั่ง ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนทุกครั้ง
- ควรกินอย่างสม่ำเสมอ หากหยุดยาระยะหนึ่งแล้วมากินต่อ ก็อาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา การรักษาจะยิ่งยากมากขึ้น
- ยาที่กินวันละ 1 ครั้ง ที่ฉลากยาอาจระบุ “ ทุก 24 ชั่วโมง ” จะกินเวลาไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นเวลาเดียวกันทุกวัน เช่น กินตอน 9 โมง เช้า ก็ต้องเป็น 9 โมง เช้าทุกวัน
- ยาที่กินวันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน เป็นยาที่กินก่อนนอน และต้องกินเวลาเดียวกันทุกวัน เช่น กินตอน 3 ทุ่ม (21 น.) ก็ต้องเป็น 3 ทุ่ม (21 น.) ทุกวัน หากบางวันนอนดึก กินยา 3 ทุ่มแล้วยังไม่เข้านอนก็ไม่เป็นไร ยาก่อนนอนมักเป็นยาที่มีผลข้างเคียงทำให้คลื่นไส้-อาเจียน มึนงงหรือง่วงนอน เช่น ยา EFV (เอฟฟาไวเร็นซ์) ถ้ากินแล้วนอนจะช่วยให้อาการข้างเคียงเหล่านี้ลดน้อยลงได้
- ยาที่กินวันละ 2 ครั้ง ที่ฉลากยาอาจระบุ “ ทุก 12 ชั่วโมง ” หรือ “ เช้า-เย็น ” ต้องกินยา ห่างกัน 12 ชั่วโมง เช่น มื้อแรก กิน 8 โมงเช้า มื้อที่ 2 ต้องกินตอน 2 ทุ่ม ของทุกวัน ( ควรตั้งเวลาที่สามารถปฏิบัติได้สะดวก เช่น ไม่ควรตั้งเวลาดึกมาก หรือเช้าเกินไปจนลุกตื่นไม่ไหว )
- นอกจากตรงเวลาแล้ว ยาบางชนิดจำเป็นต้องสัมพันธ์กับอาหารด้วย เช่น ยาก่อนอาหาร ต้องกินตอนท้องว่าง หรือกินก่อนอาหารหนึ่งชั่วโมง เพราะจะช่วยให้ยาดูดซึมได้ดี และไม่ถูกทำลายโดยน้ำย่อยอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น ยา ddI (ดีดีไอ) , Indinavir (อินดินาเวียร์) ยาหลังอาหาร ต้องกินหลังอาหารทันที เพราะยาจะดูดซึมได้ดีเวลาที่ในกระเพาะมีอาหาร และป้องกันการระคายเคืองของกระเพาะอาหาร เช่น RTV (ริโทนาเวียร์) , AZT (ซิโดวูดิน)
- กรณีที่ผู้ป่วยจัดยากินเองไม่ได้ ญาติก็สามารถช่วยจัดยาเตรียมไว้ให้ได้ โดยใส่กล่องแบ่งยา หรือซองแบ่งยา ซึ่งทางร.พ.สำโรงการแพทย์ มีกล่องแบ่งยาหรือซองแบ่งยา สำหรับญาติจัดเตรียมยาผู้ป่วย หรือผู้ป่วยที่ต้องการจัดเตรียมยาไว้ล่วงหน้าเพื่อกันลืม
ข้อมูลดี ๆ จาก ข้อมูลจากฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์