การรักษาเอชไอวี เป็นการรักษาโดยการใช้ ยาต้านไว้รัส (ART: Antiretroviral Therapy) เป็นการรักษามาตรฐานสำหรับโรคเอชไอวี เพื่อยับยั้งการทำงานเชื้อไวรัส การทำงานของ ART นั้นจะทำงานโดยการหยุดการเพิ่มจำนวนไวรัสและการทำงานของเชื้อไวรัส และลดปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดลง ซึ่งสามารถช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้
ใครบ้างที่ควรตรวจเอไอวี ?
การตรวจเอชไอวี ตรวจเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเราได้รับเชื้อหรือไม่ หากไม่ได้รับเชื้อจะได้รู้สึกสบายใจ แต่หากพบว่าตัวเองเสี่ยงติดเชื้อจะได้สามารถรักษาอาการได้โดยเร็ว โดยกลุ่มคนที่ควรเข้ารับการตรวจเอชไอวี ได้แก่
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
- ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- หญิงตั้งครรภ์
- ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ


ทำไมต้องตรวจเอชไอวี ?
ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการรับเชื้อเอชไอวี ควรรีบเข้ารับการตรวจคัดกรอง เนื่องจากการวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความกังวลใจ นอกจากนี้ถ้าผู้รับการตรวจติดเชื้อเอชไอวี จะทำให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง รวดเร็ว ได้รับทราบข้อมูลในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รวมถึงเทคนิคในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคเพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลายจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีและนำไปสู่ผู้ป่วยโรคเอดส์เต็มขั้น
หากติดเชื้อเอชไอวีแล้วไม่ได้รักษาจะเกิดอะไรขึ้น
- เชื้อไวรัสทำลายระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
- ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่ออแอจนไม่สามารถต่อต้านไวรัสได้
- เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือ เอดส์
- เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ
- อาจส่งผลอันตรายต่อชีวิตได้
การรักษาเอชไอวีมีประโยชน์อะไรบ้าง
- คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น : การรักษา HIV อย่างมีประสิทธิภาพสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยลดอาการและภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับการติดเชื้อ HIV
- ลดความเสี่ยงในการแพร่กระจาย : การรักษา HIV สามารถลดจำนวนไวรัสในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ลดความเป็นไปได้ในการแพร่กระจายไวรัสต่อผู้อื่น
- ป้องกันการติดเชื้อฉวยโอกาส : HIV ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อรอยโอกาส เช่น วัณโรคและปอดบวม การรักษาสามารถป้องกันการติดเชื้อรอยโอกาสเหล่านี้ไม่ให้เกิดหรือลดความรุนแรงของอาการได้
- อายุยืน : การรักษา HIV สามารถชะลอการเจริญเติบโตของไวรัสและป้องกันการพัฒนา AIDS ซึ่งสามารถยืดอายุได้อย่างมาก
- สุขภาพจิตที่ดี : การมีชีวิตอยู่กับเชื้อ HIV อาจสร้างความเครียดและมีผลต่อสุขภาพจิต การรักษาที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดความเครียดและปรับปรุงผลสุขภาพจิตได้


มีขั้นตอนการรักษาอย่างไร หากคุณได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวี
พบแพทย์
เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวี จำเป็นต้องพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาเชื้อเอชไอวี เพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อกำหนดขั้นตอนของการติดเชื้อและแนะนำการรักษาที่เหมาะสม
เริ่มการรักษาด้วยยาต้านไวรัส
เป็นการรักษามาตรฐานสำหรับการติดเชื้อเชื้อเอชไอวี เป็นการรับประทานยาสองชนิดขึ้นไปเพื่อยับยั้งการทำงานของเชื้อและป้องกันการเจริญของเอดส์ แพทย์ผู้ดูแลรักษาของคุณจะสั่งยา ART ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณเอง
ปฏิบัติตามแพทย์สั่ง
ต้องรับประทานยาต้านไวรัสเอชไอวี ตามที่แพทย์ดูแลรักษาสั่ง หากมีการหยุดรับประทานยาเองอาจทำให้เกิดการดื้อยาและการรักษาล้มเหลว นอกจากนี้ยังสำคัญที่จะรักษาการนัดพบแพทย์ประจำเพื่อติดตามผลการรักษาและจัดการผลข้างเคียงได้อย่างเหมาะสม
การดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวม
การติดเชื้อเอชไอวี สามารถเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็งบางชนิด จึงมีความสำคัญที่จะดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวมโดยการรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนเพียงพอ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้การป้องกันก็ยังคงจำเป็น โดยสวมถุงยางอยามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
การตรวจและติดตามระดับไวรัส HIV ก็เป็นสิ่งสำคัญในการยืนยันประสิทธิภาพของการรักษา โดยเฉพาะการรักษา HIV ที่มีความเหมาะสมและถูกต้อง จะช่วยให้ผู้ติดเชื้อ HIV มีชีวิตที่สมบูรณ์และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรรักษาโรค HIV ตั้งแต่เริ่มต้นอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการเจริญของเชื้อไวรัสและส่งผลต่อสุขภาพในอนาคต